หากคุณกำลังมองหารถมือสอง ไม่ว่าจะเป็นรถบ้านมือสอง, รถเต็นท์ หรือซื้อจากคนที่รู้จักบอกต่อๆกันมา นอกจากเรื่องการติดต่อซื้อขายกับคนขายรถแล้ว สิ่งที่จะต้องทำอย่างแน่นอนคือเรื่องของการตรวจสภาพรถเบื้องต้น ทั้งภายในและภายนอก รวมถึงการทดลองขับ และสิ่งที่มองข้ามไปไม่ได้เลย คือ การดูเล่มทะเบียนรถเพราะเล่มทะเบียนรถ จะเป็นตัวบอกรายละเอียดสำคัญของตัวรถไว้ทั้งหมด เช่น เลขตัวถัง เลขเครื่อง ปีที่ซื้อรถ การครอบครองรถมีมาแล้วกี่คน ภาษีรถหมดไหม หมดเดือนไหน มีการต่อภาษีปกติไหม เพราะถ้าหากไม่ได้ต่อภาษีจะโดนขนส่งปรับเพิ่มอีก ประวัติของรถมีการทำอะไรมาบ้าง มีการเปลี่ยนสี เปลี่ยนเครื่อง เปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิงหรือไม่ ซึ่งเล่มทะเบียนรถมีตราประทับว่า ออกแทนเล่มชำรุด, ออกแทนเล่มเต็ม หรือ ออกแทนเล่มสูญหาย หรือไม่ ซึ่งถ้าหากเจอเล่มเหล่านี้ เราต้องเช็คข้อมูลหรือประวัติของรถให้ดีก่อนตัดสินใจซื้อกันนะคะ ทาง Selltabien.com จึงจะขอสรุปหลักการตรวจเช็คเบื้องต้นก่อนตัดสินใจซื้อรถมือสอง คร่าวๆดังนี้ค่ะ
1. เช็คคนขายรถ
การติดต่อซื้อ-ขายรถ อันดับแรกคงหนีไม่พ้นเรื่องของการดำเนินการติดต่อ ติดต่อกับใคร เต็นท์รถโดยตรง หรือจากการประกาศขายทางออนไลน์ หรือจากการบอกต่อๆ กันมา จากคนรู้จัก หรือประกาศขายตามที่ต่างๆที่เห็นมา สิ่งที่เราต้องเช็คคือ เจ้าของรถ หรือคนที่เราติดต่อด้วย เป็นใครมาจากไหน ชื่อ-นามสกุล อะไร ข้อมูลที่ลงไว้ ชัดเจน ติดต่อได้จริงหรือไม่ มีตัวตนจริงไหม การสอบถามข้อมูลรถเบื้องต้น คนที่เราติดต่อด้วยสามารถตอบได้ มีรูปรถ หรือเอกสารเบื้องต้นให้เราสามารถดูได้ ผ่านขั้นตอนนี้แล้วเราก็สามารถเชื่อถือได้ในระดับนึงแล้วละ
2. เช็คสภาพรถ
เมื่อการติดต่อซื้อ-ขาย ตกลงเจรจากันได้แล้ว ก็จะเริ่มการนัดแนะดูสภาพของรถกัน การดูสภาพรถเบื้องต้น นอกจากเรื่องเข็มไมล์,บริเวณรอบนอกรถ หรือภายในตัวรถแล้ว มีอีกหลายๆตำแหน่งของตัวรถที่เราพอสังเกตได้ ว่ารถเกิดการใช้งานอย่างหนัก หรือเฉี่ยวชนมาหนักไหม โดยให้สังเกตจุดต่างๆ ดังนี้
ฝากระโปรงหน้า
เปิดฝากระโปรงหน้าเช็คได้เลยค่ะ มีร่องรอยมีตำหนิไหม รอยแตก รอยร้าว รอยคดงอของแต่ละจุดภายในเครื่องยนต์ เครื่องยนต์ยังมีความใหม่วาววับอยู่ไหม ตราปั้มที่ได้จากศูนย์รถมายังอยู่ครบไหม สติกเกอร์ที่แปะมากับเครื่องยนต์แต่ละจุดเก่าแค่ไหน รูตรงขอบๆ แต่ละจุดยังเป็นวงกลมอยู่ไหม ถ้ามีรูมีตำหนิ ไม่เป็นวงกลม บิดเบี้ยวผิดรูป แสดงให้เห็นว่า รถอาจเกิดการเฉียวชนมาอย่างหนัก ตรวจสอบบางจุดเราพอรับได้ไหม คุ้มกับราคาที่เราจะจ่ายไหม หากซื้อมาแล้วต้องปรับเปลี่ยนอะไรเพิ่มบ้าง คำนวณดีๆก่อนตัดสินใจกันค่ะ
ฝากระโปรงหลัง
หลังจากเปิดฝากระโปรงหลังแล้วสามารถปิดลงได้ปกติไหม ปิดได้สนิทไหม มีรอยบิ่น รอยแตกไหม หากรถมีการชนหนักๆมา หลังซ่อมก็จะยังมีร่องรอยอยู่เพราะบางจุดหากชนหนักๆ ซ่อมแล้วก็ไม่เหมือนเดิมแน่นอน กวาดสายตาเช็คทุกจุดค่ะ บางจุดเล็กน้อย เราอาจพอรับได้แต่บางจุดอาจใหญ่โต เราต้องเลือกให้คุ้มกับเงินที่จะจ่ายไปค่ะ
คานรถ
ถ้ามีโอกาสได้ดูได้ตรวจเช็คแล้ว ก็ควรตรวจดูให้ละเอียดเท่าที่เราจะทำได้จะดีมาก คานต้องไม่มีจุดใดจุดนึงมีร่องรอยบิดงอ รอยบุบหรือผิดรูปนะคะ ถ้าหากมีนั่นแสดงว่าเกิดความผิดปกติแล้วละค่ะ ต้องดูให้ดีๆทุกจุดจริงๆ ความเงา ระดับของสีที่คานก็มีผล สีเท่ากันไหม ความเงาเท่ากันไหม รูต่างๆที่อยู่ตรงคาน เป็นรูปวงกลมทุกรูไหม ถ้ามีรูบิดเบี้ยวไม่เป็นวงกลม รถมีความผิดปกติแน่นอนค่ะ อย่าลืมว่ารถที่เกิดการชนหนักๆมาแล้ว จะซ่อมแซมยังไงก็ไม่เหมือนเดิม
ขอบประตูรถ
จุดนี้อาจจะยากหน่อย เนื่องจากต้องดึงขอบยางที่ติดกับขอบประตูรถออกเช็คดู รถที่เกิดการชนมาอย่างหนัก ตรงขอบประตูจะมีรอยเชื่อม รอยต่อ ทำให้การดูร่องรอยตรงจุดนี้ต้องดึงขอบยางออกแล้วเช็คดู ถ้าหากพอเช็คได้ก็ควรเช็คนะคะ ไม่ควรปล่อยไปถ้าไม่อยากโดนย้อมแมวขาย ก็ต้องเอาให้ละเอียดเลยค่ะ
ทดลองขับ
การทดลองขับ จะเป็นจุดตัดสินใจที่สำคัญมาก เพราะถ้าเราได้ทดลองขับแล้วเกิดความชอบ ก็จะทำให้เราตัดสินใจซื้อได้เลยทีเดียว ในระหว่างทดลองขับเราจะได้สัมผัสกับการทำงานของรถอย่างแท้จริง ได้เช็คคันเร่ง, โช้ค, เกียร์, อัตราความเร่งของเครื่อง รวมถึงระบบเบรคของรถด้วย ในระหว่างที่ทดลองขับ หากรู้สึกถึงความผิดปกติของรถก็จะได้นำข้อมูลนั้นมาสอบถามผู้ขายเพิ่มเติมได้ เพื่อที่จะได้ประเมินค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม และนี่แหละค่ะที่จะเป็นจุดตัดสินใจว่าจะคุ้มค่าไหม หากตัดสินใจซื้อรถมา
3. เช็คเล่มทะเบียนรถ
อย่างที่กล่าวไปคร่าวๆในช่วงแรก การดูเล่ม ทะเบียนรถ ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพราะเล่มทะเบียนรถ จะเป็นตัวบอกรายละเอียดสำคัญของตัวรถไว้ทั้งหมด เช่น เลขตัวถัง เลขเครื่อง ปีที่ซื้อรถ การครอบครองรถมีมาแล้วกี่คน ภาษีรถหมดไหม หมดเดือนไหน มีการต่อภาษีปกติไหม เพราะถ้าหากไม่ได้ต่อภาษีจะโดนขนส่งปรับเพิ่มอีก ประวัติของรถมีการทำอะไรมาบ้าง มีการเปลี่ยนสี เปลี่ยนเครื่อง เปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิงหรือไม่ ซึ่งเล่มทะเบียนรถมีตราประทับว่า ออกแทนเล่มชำรุด, ออกแทนเล่มเต็ม หรือ ออกแทนเล่มสูญหาย หรือไม่ ซึ่งถ้าหากเจอเล่มเหล่านี้ เราต้องเช็คข้อมูลหรือประวัติของรถให้ดีก่อนตัดสินใจค่ะ ซึ่งวิธีที่เราจะสามารถตรวจเช็คเล่มทะเบียนรถได้เบื้องต้น มีดังนี้ค่ะ
รายการจดเลขทะเบียนรถ
จากรูปจะเห็นได้ว่า คือ ใบคู่มือจดทะเบียน หรือ เล่มทะเบียนรถนั้นเอง หน้าปกของเล่มทะเบียนรถจะแสดงรายการประวัติเลขทะเบียนรถ ที่เคยจดลงรถคันที่เรากำลังตัดสินใจซื้ออยู่นั้นเอง ว่าเคยมีการจดเลขทะเบียนรถอะไรลงไปบ้าง รายการสุดท้ายจะเป็นเลขทะเบียนล่าสุดที่จดลงรถอยู่ ซึ่งต้องตรงกับป้ายทะเบียนที่ติดมากับรถ ถ้าหากไม่ตรงแสดงว่าเกิดการปลอมแปลงป้ายทะเบียนรถมาอย่างแน่นอน เพราะไม่ตรงกับหน้าเล่มรถที่แสดงไว้
หน้าถัดมา หน้า 4 ของเล่มทะเบียนรถ จะแสดงรายละเอียดการจดทะเบียนให้ดูวันเดือนปีที่จดทะเบียน ควบคู่ไปกับการดูส่วนประกอบรถด้วยว่าตรงกันมั้ย เช่น หากมีการเปลี่ยนแปลงเล่มต้องมีประทับเล่มชำรุดหรือสูญหายไว้ด้วย รวมถึงการตรวจดูเลขทะเบียนรถที่ระบุในหน้า 4 ตรงตามหน้าสมุดและตัวรถไหม, รุ่นรถ, สีของรถในเล่มระบุไว้ตรงกับตัวรถหรือไม่, ปีที่ผลิตตรงตามกับข้อมูลที่ผู้ขายแจ้งเราหรือไม่, ปีจดทะเบียน, เลขเครื่องและเลขตัวถังตรงตามเลขที่แสดงที่ตัวรถหรือไม่ (เลขตัวถังที่ตัวรถของรถแต่ละรุ่นจะอยู่คนละที่กัน ต้องถามคนขายเพื่อทำการตรวจเช็คให้ตรงกับเลขที่แสดงในเล่มรถนะคะ) ถ้าหากไม่ตรงกัน นั่นแสดงว่าเราต้องเริ่มเอะใจแล้วละว่า คือไม่ควรซื้อรถคันนี้แล้ว เพราะเราไม่รู้ว่าเกิดการปลอมแปลงอะไรมาบ้าง เป็นรถที่ไม่น่าไว้ใจ ถ้าตัดสินใจซื้อมาก็ไม่สามารถทำรายการอื่นๆต่อได้ ทั้งเรื่องการจดทะเบียนใหม่ การโอนรถเป็นชื่อเรา การทำธุรกรรมด้านอื่นๆที่เกี่ยวกับรถ จะมีปัญหาไปหมดค่ะ
รายการต่อภาษี
หน้า 16 ของเล่มทะเบียนรถ จะแสดงรายการต่อภาษี ให้ดูความต่อเนื่องของรายการเสียภาษีแต่ละปี มีขาดต่อภาษีหรือไม่ ซึ่งจะต้องสังเกตน้ำหมึกตัวอักษรหรือช่องไฟที่ไม่ควรเท่ากัน ความเข้มความหนาของหมึกไม่เท่ากันอย่างแน่นอน เพราะรายการเสียภาษีจะต้องถูกอัพเดทเป็นรายปี และแน่นอนว่าแต่ละปีที่มีการบันทึกข้อมูล บรรทัดต่างๆ จะต้องไม่เท่ากันแบบตรงเป๊ะๆแน่นอน (หากเท่ากันอาจเป็นไปได้ที่จะมีการถูกปลอมแปลงเล่มทะเบียน)
รายการบันทึกของเจ้าหน้าที่
หน้า 18 ของเล่มทะเบียนรถเป็นหน้าที่สำคัญมาก จำเป็นต้องดูทุกรายละเอียดเพราะจะแสดงประวัติว่ารถผ่านอะไรมาบ้าง เช่น การโอน, การนำเข้า, การปรับเปลี่ยน, การแจ้งจดทะเบียนที่จังหวัดไหน, เป็นรถจดประกอบหรือไม่, เคยเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิง, เปลี่ยนสีรถ, ติดแก๊สหรือแจ้งถอดแก๊สแล้วหรือไม่, มีการแจ้งหยุดใช้รถ, การจดทะเบียนใหม่, เล่มชำรุด/สูญหาย ก็จะบอกประวัติที่หน้านี้ทั้งหมด หากหน้า 18 แจ้งว่ามีประวัติการแจ้งจอดหรือหยุดใช้รถ, มีออกเล่มทะเบียนใหม่กรณีเล่มเก่าชำรุด/สูญหาย หรือ รถแจ้งหยุดใช้ตลอดไปจากอุบัติเหตุ นั่นจะเป็นตัวที่บอกได้ว่าเกิดความไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน ให้คุณระลึกในใจได้เลยว่ารถคันที่คุณกำลังจะติดสินใจซื้อนั้น อาจเกิดปัญหาตามมาภายหลัง มีความเป็นไปได้อีกหลายอย่างที่รถคันนี้จะมีปัญหาทั้งเรื่องของเอกสารเล่มทะเบียนหรือแม้แต่ตัวรถเอง ควรหลีกเลี่ยงหากเจอกรณีเช่นนี้ ถ้าไม่อยากให้เจอปัญหาที่ตามมา
การพิจารณาตรวจเช็ครถมือสอง ก่อนตัดสินใจซื้อรถที่ทางเราได้แนะนำมาทั้งหมดนี้ เป็นการวิธีตรวจเช็คเบื้องต้นก่อนการตัดสินใจซื้อรถมือสองแค่เพียงคร่าวๆเท่านั้น หากลูกค้ามีช่างซ่อมรถหรือมีคนที่ชำนาญในเรื่องการตรวจเช็ครถที่สามารถช่วยตรวจเช็คได้ อาจต้องขอความช่วยเหลือให้ไปช่วยดูด้วยจะดีกว่า และหลังจากตัดสินใจซื้อรถมาแล้ว ควรเอาเข้าศูนย์ซ่อมตรวจเช็คความละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับตัวผู้ขับขี่เองค่ะ
ผู้ครอบครอง หรือผู้ถือกรรมสิทธิ์
หน้า 5 ของเล่มทะเบียนรถ ให้ดูชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์(หรือหน้าที่เป็นเลขคี่) เทียบกับบัตรประชาชนของเจ้าของรถว่ามีตัวตนชัดเจนหรือไม่ ใครเป็นเจ้าของรถตัวจริง มีการเปลี่ยนมือผู้ถือครองมาแล้วกี่คน จะได้เป็นการป้องกันการสวมรอยหรือรับประกันความเสี่ยงต่างๆจากเจ้าของเดิมด้วย
รายการต่อภาษี
หน้า 16 ของเล่มทะเบียนรถ จะแสดงรายการต่อภาษี ให้ดูความต่อเนื่องของรายการเสียภาษีแต่ละปี มีขาดต่อภาษีหรือไม่ ซึ่งจะต้องสังเกตน้ำหมึกตัวอักษรหรือช่องไฟที่ไม่ควรเท่ากัน ความเข้มความหนาของหมึกไม่เท่ากันอย่างแน่นอน เพราะรายการเสียภาษีจะต้องถูกอัพเดทเป็นรายปี และแน่นอนว่าแต่ละปีที่มีการบันทึกข้อมูล บรรทัดต่างๆ จะต้องไม่เท่ากันแบบตรงเป๊ะๆแน่นอน (หากเท่ากันอาจเป็นไปได้ที่จะมีการถูกปลอมแปลงเล่มทะเบียน)
รายการบันทึกของเจ้าหน้าที่
หน้า 18 ของเล่มทะเบียนรถเป็นหน้าที่สำคัญมาก จำเป็นต้องดูทุกรายละเอียดเพราะจะแสดงประวัติว่ารถผ่านอะไรมาบ้าง เช่น การโอน, การนำเข้า, การปรับเปลี่ยน, การแจ้งจดทะเบียนที่จังหวัดไหน, เป็นรถจดประกอบหรือไม่, เคยเปลี่ยนชนิดเชื้อเพลิง, เปลี่ยนสีรถ, ติดแก๊สหรือแจ้งถอดแก๊สแล้วหรือไม่, มีการแจ้งหยุดใช้รถ, การจดทะเบียนใหม่, เล่มชำรุด/สูญหาย ก็จะบอกประวัติที่หน้านี้ทั้งหมด หากหน้า 18 แจ้งว่ามีประวัติการแจ้งจอดหรือหยุดใช้รถ, มีออกเล่มทะเบียนใหม่กรณีเล่มเก่าชำรุด/สูญหาย หรือ รถแจ้งหยุดใช้ตลอดไปจากอุบัติเหตุ นั่นจะเป็นตัวที่บอกได้ว่าเกิดความไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน ให้คุณระลึกในใจได้เลยว่ารถคันที่คุณกำลังจะติดสินใจซื้อนั้น อาจเกิดปัญหาตามมาภายหลัง มีความเป็นไปได้อีกหลายอย่างที่รถคันนี้จะมีปัญหาทั้งเรื่องของเอกสารเล่มทะเบียนหรือแม้แต่ตัวรถเอง ควรหลีกเลี่ยงหากเจอกรณีเช่นนี้ ถ้าไม่อยากให้เจอปัญหาที่ตามมา
การพิจารณาตรวจเช็ครถมือสอง ก่อนตัดสินใจซื้อรถที่ทางเราได้แนะนำมาทั้งหมดนี้ เป็นการวิธีตรวจเช็คเบื้องต้นก่อนการตัดสินใจซื้อรถมือสองแค่เพียงคร่าวๆเท่านั้น หากลูกค้ามีช่างซ่อมรถหรือมีคนที่ชำนาญในเรื่องการตรวจเช็ครถที่สามารถช่วยตรวจเช็คได้ อาจต้องขอความช่วยเหลือให้ไปช่วยดูด้วยจะดีกว่า และหลังจากตัดสินใจซื้อรถมาแล้ว ควรเอาเข้าศูนย์ซ่อมตรวจเช็คความละเอียดอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับตัวผู้ขับขี่เองค่ะ